ประวัติ กระเป๋าหลุยส์ ย้อนตำนานกว่าจะมาเป็น Louis Vuitton

by goodmaterial
กระเป๋าหลุยส์

หลุยส์ วิตตอง Louis Vuitton ขึ้นชื่อว่าเป็นแบรนด์แฟชั่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ และ “กระเป๋าหลุยส์ วิตตอง” ก็เป็นหนึ่งในไอเทมที่สาวๆทั่วโลกอยากได้มาไว้ครอบครอง เพราะแต่ละคอลเลคชันที่ออกมามีความโดดเด่นด้วยรูปทรง แต่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ไว้อยู่เสมอ Good Material จะพาเพื่อนๆย้อนอดีตไปยังสมัยตั้งแต่เริ่มก่อตั้งแบรนด์ ไปจนถึงแต่ละช่วงเวลาสำคัญๆของการกำเนิด กระเป๋าหลุยส์รุ่นฮิต (Iconic Bag) รุ่นต่างๆ หลายคนอาจจะมีกระเป๋าหลุยส์ครอบครองกันอยู่บ้างแล้ว แต่ถ้าเราได้ทำความรู้จักความเป็นมาของแบรนด์ให้มากขึ้น กระเป๋ามันจะเป็นมากกว่าแค่สินค้าแบรนด์เนม เพราะเราจะรู้สึกภูมิใจกับการได้ครอบครองผลงานของดีไซเนอร์ที่มีฝีมือจนเป็นที่ยอมรับในระดับโลก

นอกจากเนื้อหาความเป็นมาที่น่าสนใจของ กระเป๋าหลุยส์ วิตตองแล้ว ในตอนท้ายเรายังมีบอกอย่างละเอียดอีกด้วยว่า กระเป๋ารุ่นไหนที่คนไทยนิยมมากที่สุด เพื่อให้เพื่อนๆตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะซื้อหลุยส์ซักใบ จะเอารุ่นไหนดี

 

 

จุดเริ่มต้นของแบรนด์ Louis Vuitton

ในปีค.ศ. 1821 ชายผู้เป็นเจ้าของแบรนด์อันยิ่งใหญ่ระดับโลกได้ถือกำเนิดขึ้นมาที่ประเทศฝรั่งเศส และในช่วงวัยรุ่น “หลุยส์ วิตตอง” ก็ได้เริ่มต้นอาชีพแรกของเขาเป็นช่างฝีมือทำหีบบรรจุของในยุคนั้น ด้วยอาชีพนี้ทำให้เขาเกิดแนวคิดที่จะสร้างแบรนด์ตั้งแต่นั้นมา

ต่อมาในปีค.ศ. 1852 ได้เกิดจุดเปลี่ยนจนทำให้หลุยส์ วิตตอง เป็นที่รู้จักและถูกจับตามองจากผู้คนส่วนมาก หลังจากภรรยาของนโปเลียนสมัยนั้น ได้เห็นกระเป๋าของหลุยส์ วิตตอง ในขณะที่ทรงเสด็จเดินทางด้วยเรือเดินสมุทรและรู้สึกประทับใจ จึงให้เขาได้เป็นผู้ช่วยส่วนตัวในการออกแบบบรรจุภัณฑ์สำหรับจัดเก็บเสื้อผ้าส่วนพระองค์

จนในปีค.ศ. 1854 ก็ได้เกิดเป็นแบรนด์ Louis Vuitton อย่างเป็นทางการ มีหน้าร้านร้านแรกอยู่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยสินค้ารุ่นแรกก็จะเป็นหีบกล่องบรรจุของ กระเป๋าเดินทาง ไปจนถึงกล่องสำหรับบรรจุขวดไวน์ ซึ่งแต่ละอย่างถือเป็นไอเทมที่สำคัญมากๆของผู้คนในยุคนั้น โดยเฉพาะกลุ่มคนชนชั้นสูงและเหล่าดาราฮอลลีวูดในอเมริกา สิ่งที่เป็นจุดเด่นของแบรนด์นี้เลยก็คือ ลวดลายของหนัง ที่มีความคลาสสิค หรูหรา และมีความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์อย่างชัดเจน

 

กระเป๋าหลุยส์ วิตตอง จากหีบเก็บของสู่กระเป๋าแบรนด์เนมสุดหรู

เรามาดูสรุปวิวัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงของแบรนด์ “Louis Vuitton” ในแต่ละช่วงปีแบบคร่าวๆกันดีกว่า ว่ามีอะไรที่น่าสนใจเกิดขึ้นบ้าง

  • ปีค.ศ. 1821 : เป็นปีเกิดของ เมอซิเออ หลุยส์ วิตตอง และในช่วงวัยรุ่นเขาได้มีโอกาสเรียนรู้วิธีการทำหีบกล่องเก็บของจากช่างที่เก่งมากๆมีชื่อว่า Monsieur Marechal จนได้เริ่มทำงานในตำแหน่งแรกเเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดสัมภาระและการทำหีบกล่อง
  • ปีค.ศ. 1837 : เมื่อหลุยส์ วิตตอง สั่งผลิตหนังของเบาะพิมพ์ลายว่า WL หรือ Wagon Lit แปลว่าตู้นอนของรถไฟชั้นหนึ่ง แต่กลับพิมพ์ลายออกมาเป็น LV ที่ตรงกับชื่อของเขาพอดี จึงนำมาใช้เป็นหนังของหีบกล่องเพื่อไม่ให้เสียของ จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์มาถึงปัจจุบัน
  • ปีค.ศ. 1852 : เกิดจุดเปลี่ยนชีวิตของช่างทำหีบกล่อง เมื่อภรรยาของนโปเลียนจักรพรรดิฝรั่งเศสในสมัยนั้น จ้างหลุยส์ วิตตองให้เป็นผู้ช่วยส่วนตัวในการออกแบบผลิตภัณฑ์สำหรับจัดเก็บเสื้อผ้าที่มีระดับของเธอ
  • ปีค.ศ. 1854 : ก่อตั้งแบรนด์ “Louis Vuitton” อย่างเป็นทางการและเปิดร้านสาขาแรกที่กรุงปารีส ณ Rue des Capucines และค่อยๆเริ่มขยายสาขาไปยังต่างประเทศ
  • ปีค.ศ. 1886 : เมื่อจอร์จ วิตตอง (Georges Vuitton) ลูกชายของหลุยส์ วิตตอง ได้ออกแบบกุญแจล็อคกระเป๋าเดินทางที่ไม่สามารถสะเดาะได้ และเป็นผู้นำพาแบรนด์หลุยส์ วิตตอง สู่เส้นทางแฟชั่นอย่างแท้จริงจากการออกแบบผลงานมากกว่า 700 ชิ้น
  • ปีค.ศ. 1892 : หลุยส์ วิตตอง ได้เสียชีวิตลง ผู้บริหารบริษัทลงความเห็นส่งต่อกิจการให้ลูกชายก็คือ จอร์จ วิตตอง (Georges Vuitton) สืบทอดกิจการต่ออย่างเต็มตัว
  • ปีค.ศ. 1897 : แกสตัน วิตตอง (Gaston-Louis Vuitton) ลูกชายของจอร์จ วิตตอง ได้เริ่มเข้ามาช่วยบริหารธุรกิจ
  • ปีค.ศ. 1936 : จอร์จ วิตตอง ก็ได้เสียชีวิตลงและแกสตัน วิตตอง ลูกชายของเขาได้เข้ามาสืบทอดกิจการต่ออย่างเต็มตัว
  • ปีค.ศ. 1970 : แกสตัน วิตตอง เสียชีวิตลงหลังจากสืบทอดกิจการมาเป็นเวลา 34 ปี
  • ปีค.ศ. 1997 : Marc Jacobs เข้ารับตำแหน่ง Creative director คนแรกของบริษัท และเป็นคนแรกที่นำแบรนด์ Louis Vuitton ไปสู่การผลิตสินค้าประเภทอื่นอย่างเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย
  • ปีค.ศ. 2013 : Nicolas Ghesquière อดีต Head designer ของแบรนด์ Balenciaga เข้ารับตำแหน่ง Creative director แทน Marc Jacobs และยังคงดำรงตำแหน่งมาจนถึงปัจจุบัน

 

วิวัฒนาการของ “กระเป๋าหลุยส์ วิตตอง”

ปีค.ศ. 1858 : THE TRIANON CANVAS

สินค้ารุ่นแรกของแบรนด์เปิดตัวด้วยหีบกล่องใส่ของ ผลิตจากผ้าแคนวาสสีเทาด้วยเทคนิคพิเศษจนมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับหนังได้เลย  และเป็นครั้งแรกที่หลุยส์ วิตตองออกแบบหีบกล่องให้ฝาเปิดปิดเป็นแบบแบนทั้งด้านบนและฐานด้านล่าง เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งานและการนำไปวางซ้อนกันได้ ซึ่งจะแตกต่างกับหีบใส่ของในยุคนั้นที่ด้านบนตรงฝาเปิดปิดเป็นทรงโค้ง

THE TRIANON CANVAS รุ่นนี้เลิกผลิตไปตั้งแต่ปีค.ศ. 1876

กระเป๋าหลุยส์


ปีค.ศ. 1872 : THE RAYÉE CANVAS

สินค้ารุ่นที่สองของหลุยส์ วิตตองมีชื่อว่า THE RAYÉE CANVAS เป็นรุ่นที่ทำมาแทนรุ่น THE TRIANON CANVAS เนื่องจากรุ่นแรกเป็นรุ่นที่ใช้เพียงผ้าแคนวาสสีเทาซึ่งง่ายต่อการโดนก๊อปมาก ในรุ่นนี้จึงผลิตออกมาโดยใช้ผ้าแคนวาสสีแดงคาดด้วยสีขาวแทน

THE RAYÉE CANVAS รุ่นนี้เลิกผลิตตั้งแต่ปี 1888

กระเป๋าหลุยส์ THE RAYÉE CANVAS


ปีค.ศ. 1888 : THE DAMIER CANVAS

ปัญหาเรื่องการโดนก๊อปปี้ผลงานก็มีตั้งแต่ในยุคสมัยนั้น หลุยส์ วิตตอง จึงพยายามแก้ปัญหาด้วยการออกผลงานใหม่ๆ ลายใหม่ๆ สำหรับรุ่นนี้เขาได้ออกแบบลายหนังให้เป็นลายตารางหมากรุกสีแดงเข้มและสีน้ำตาลเข้ม และเริ่มใช้เครื่องหมายทางการค้าหรือชื่อแบรนด์ “L Vuitton”เข้าไปในผลงานด้วย และลายตารางหมากรุกนี้ก็ยังคงใช้มาจนถึงปัจจุบัน

กระเป๋าหลุยส์ THE DAMIER CANVAS


ปีค.ศ. 1896 : THE MONOGRAM CANVAS

หลังจากที่จอร์จ วิตตอง (Georges Vuitton) เข้าสืบทอดกิจการแทนพ่อของเขาอย่างเต็มตัว โดยมีความมุ่งหวังที่จะพัฒนาแบรนด์ให้ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงในวงการแฟชั่นมากยิ่งขึ้น ในปีนี้เอง เขาได้ออกแบบลายหนัง “LV MONOGRAM CANVAS” และได้ทำการจดสิทธิบัตรแสดงความเป็นเจ้าของลายนี้อย่างถูกต้องตามกฎหมายทันที

ลายโมโนแกรมประกอบไปด้วยสัญลักษณ์ 4 อย่างคือ 1) ตัวอักษร LV ที่เป็นชื่อย่อของแบรนด์ 2) รูปดอกไม้สี่แฉกแบบทึบ 3) รูปดอกไม้สี่แฉกแบบโปร่งที่มาคู่กัน โดยได้แรงบันดาลใจมาจากการออกแบบของชาวญี่ปุ่น และ 4) ลักษณะคล้ายมงกุฎ ที่สะท้อนถึงความเป็นยุคสมัยของวิคตอเรียได้เป็นอย่างดี THE MONOGRAM CANVAS จึงถือได้ว่าเป็นผลงานชิ้นแรกที่มีการจดสิทธิบัตรของแบรนด์ Louis Vuitton

กระเป๋าหลุยส์ THE MONOGRAM CANVAS

หากใครสนใจอยากซื้อหีบกล่องของแบรนด์ Louis Vuitton สามารถดูและซื้อกันได้ที่ LVTRUNK.COM ราคาจะอยู่ระหว่าง 3,400 – 43,000 $ หรือประมาณ 115,600 – 1,462,000 บาท (ราคายังไม่รวมภาษีและค่าขนส่งมาประเทศไทย)


ปีค.ศ. 1901 : The Steamer Bag

เป็นผลงานชิ้นแรกที่ไม่ได้ผลิตออกมาในลักษณะที่เป็นหีบกล่อง แต่มีลักษณะเป็นถุงที่มีทั้งแบบผ้าแคนวาสโมโนแกรมและแบบหนัง การใช้งานนิยมใช้สำหรับเก็บของชิ้นเล็กๆที่อยู่ภายในหีบกล่องที่เป็นกระเป๋าเดินทางอีกที หรือเอาไว้ใส่เสื้อผ้าใช้แล้วเวลาคนสมัยก่อนออกเดินทางด้วยเรือเดินสมุทร

 The Steamer Bag   

กระเป๋าหลุยส์ The Steamer Bag


ปีค.ศ. 1930 : The Keepall Bag & The Speedy Bag

Louis Vuitton ได้เปิดตัวกระเป๋าเดินทางแบบถือ The Keepall Bag ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจของกระเป๋าเดินทางรุ่นนี้เลยก็คือ มันได้กลายเป็นทรงต้นแบบของกระเป๋าเดินทางแบบถือ (Hold All) ตั้งแต่ในยุคนั้นมาจนถึงปัจจุบัน เรียกได้ว่าเป็น “Most iconic luggage designs.” ของแบรนด์เลย

กระเป๋าหลุยส์ The Keepall Bag & The Speedy Bag

The Speedy Bag  เป็นกระเป๋าทรงเดียวกับรุ่น The Keepall Bag แต่เล็กลงมาจนเป็นกระเป๋าถือในชีวิตประจำวัน โดยครั้งแรกกระเป๋าทรงนี้มีชื่อว่า “Express” ขนาด 30,35,40 นิ้วซึ่งจะใหญ่กว่านี้ แต่ภายหลังนักแสดงหญิงที่โด่งดังในยุคนั้น Audrey Hepburn ขอให้ทาง Louis Vuitton ออกแบบกระเป๋าทรงนี้ให้เธอใช้ในชีวิตประจำวันแต่ขนาดเล็กกว่ารุ่น Express จนออกมาเป็นกระเป๋ารุ่น “Speedy 25” ที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลกเป็นอย่างมาก

กระเป๋าหลุยส์

 

กระเป๋ารุ่น Speedy นอกจากจะเป็นกระเป๋าถือรุ่นแรกๆของ Louis Vuitton แล้ว ยังเป็นกระเป๋ารุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย

 


ปีค.ศ. 1932 : The Noé Bag

คำว่า “Noé” เป็นภาษาฝรั่งเศสมาจากคำว่า Noah (เรือโนอาร์ในตำนานนะคะไม่ใช่โนอาร์งูยักษ์) จุดเริ่มต้นของกระเป๋าหลุยส์นี้คือ มีผู้ผลิตแชมเปญท้องถิ่นขอให้แกสตัน วิตตอง (ทายาทรุ่นที่ 3) ออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่สะดวกในการถือขวดแชมเปญหลายๆขวด แกสตันจึงออกแบบเป็นถุงที่สามารถใส่ขวดแชมเปญได้มากถึง 5 ขวด เป็นการวางเรียงกันเป็นวงกลมและมีเชือกสำหรับผูกปากถุงเอาไว้ และจากการออกแบบในครั้งนั้นเอง Louis Vuitton ก็นำเอาไอเดียดังกล่าวมาผลิตเป็นกระเป๋ารุ่น Noé Bag

Noé Bag เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากมาจนถึงปัจจุบัน

กระเป๋าหลุยส์ The Noé Bag


ปีค.ศ. 1934 : The Alma Bag

เป็นกระเป๋าสะพายที่มีเรื่องราวน่าสนใจมากเนื่องจาก ในปีค.ศ. 1925 กระเป๋าหลุยส์ รุ่นนี้ได้ถูกออกแบบเป็นพิเศษและมีเพียงใบเดียวในโลกให้กับดีไซเนอร์ชื่อดังอย่าง Coco Chanel เจ้าของแบรนด์ Chanel และเมื่อเวลาผ่านไปนานถึง 9 ปี ในปีค.ศ. 1934 Coco Chanel จึงอนุญาตให้ทาง Louis Vuitton ทำกระเป๋ารุ่นนี้เพื่อออกจำหน่ายให้แก่คนทั่วไป เพราะฉะนั้นถ้าดูตามช่วงเวลาของการออกแบบแล้ว กระเป๋ารุ่น Alma Bag ถือเป็นกระเป๋าถือรุ่นแรกของแบรนด์ Louis Vuitton ก่อนจะมาเป็นกระเป๋าเดินทางแบบถือรุ่น The Keepall Bag

Alma Bag เป็นกระเป๋าที่มีการเปลี่ยนชื่อรุ่นถึง 3 ครั้งด้วยกัน ในครั้งแรกมีชื่อว่า “Squire” และชื่อที่สองคือ “Champs-Elysees” จนสุดท้ายได้ชื่อว่า “Alma” โดยมีที่มาจากสถานที่แห่งหนึ่งในประเทศฝรั่งเศสมีชื่อว่า Place de L’Alma

กระเป๋าหลุยส์ The Alma Bag


ปีค.ศ. 1966 : The Papillon Bag

The Papillon Bag เป็นกระเป๋าที่ดีไซน์ด้วยรูปทรงเรขาคณิตแบบคลาสสิกอย่าง ทรงกระบอก ที่มีสายหิ้ว 2 ข้างขนานกันขึ้นไปด้านบน โดยมีแรงบันดาลใจมาจากผีเสื้อซึ่งจะตรงกับชื่อรุ่นของกระเป๋า “Papillon Bag” (Papillon ในภาษาฝรั่งเศสแปลว่า ผีเสื้อ)

กระเป๋าหลุยส์ The Papillon Bag


ปีค.ศ. 1985 : Epi Leather

เป็นหนังลายใหม่ที่ออกแบบขึ้นมาเพื่อความทนทานต่อการใช้งาน ป้องกันรอยขีดข่วนได้ดี กันน้ำและสีไม่ซีดง่ายอีกด้วย โดยแรงบันดาลใจของลายนี้มาจากหนังบางชนิดที่ถูกเก็บไว้เป็นระยะเวลานานจนเกิดเป็นรอยย่อน เปรียบเสมือนทุ่งหญ้าที่กำลังพริ้วไหว จนกลายมาเป็น Epi Leather ในที่สุด ลายที่หลายๆคนหลงรักในความเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของ Louis Vuitton

Epi Leather


ปีค.ศ. 2001 & 2003 : The Graffiti Bag & Multicolore Monogram

The Graffiti Bag เป็นกระเป๋าคอลเลคชันแรกภายใต้การบริหารของ Marc Jacobs ที่เข้ามารับตำแหน่ง Creative director คนแรกของ Louis Vuitton ในปีค.ศ. 1997 เขาตั้งใจที่จะผลิตกระเป๋ารุ่นที่เป็น Limited Edition โดยได้แฟชั่นดีไซเนอร์ชื่อดังชาวอเมริกันอย่าง Stephen Sprouse มาออกแบบลายกราฟฟิกสำหรับกระเป๋าในคอลเลคชัน “Graffiti-embellished LV monogram bags” หลังจากนั้น Louis Vuitton ก็ยังได้ร่วมงานกับศิลปินชื่อดังอีกหลายคน เพื่อผลิตสินค้า Limited Edition collaboration เช่น Takashi Murakami และ Yayoi Kusama

The Graffiti Bag & Multicolore Monogram

 

Multicolore Monogram ลายโมโนแกรมที่ได้ความร่วมมือในการออกแบบร่วมกันระหว่าง Louis Vuitton x Takashi Murakami (ศิลปินชื่อดังชาวญี่ปุ่น มุราคามิ เจ้าของผลงานดอกไม้อารมณ์ดีหรือดอกทานตะวันสีรุ้งที่กำลังเป็นที่ฮือฮาอยู่ในตอนนี้) ลายโมโนแกรมที่ว่านี้มีสีแตกต่างกันถึง 33 สี พิมพ์ลงบนพื้นหลังสีขาวหรือสีดำของหนัง Louis Vuitton ได้อย่างสวยงาม และดูสดใสร่าเริงตามสไตล์ผลงานของ มุราคามิ


ปีค.ศ. 2007 : The Neverfull Bag

The Neverfull Bag เรียกได้ว่าเป็นกระเป๋าสะพายที่ได้รับความนิยมสูงสุดตลอดกาลของประวัติศาสตร์ Louis Vuitton เชื่อหรือไม่ว่ากระเป๋า Neverfull Bag หนึ่งใบใช้เวลาผลิตถึง 45 ชั่วโมงเลยทีเดียว ด้วยรูปทรงของกระเป๋าที่เป็นแบบ Tote สามารถจุของได้เยอะตามชื่อของรุ่น แถมยังมีความแข็งแรงทนทานต่อการใช้งาน และมีความเรียบหรูในสไตล์ Louis Vuitton จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่กระเป๋ารุ่นนี้ได้รับความนิยมมาตลอดกาล

กระเป๋าหลุยส์ The Neverfull Bag


ปีค.ศ. 2013 : Capucines Bag

หลังจากที่ Nicolas Ghesquière เข้ารับตำแหน่ง Creative director ของแบรนด์ต่อจาก Marc Jacobs เขาได้เปิดตัวกระเป๋าหลุยส์รุ่น Capucines Bag กระเป๋ารูปทรงสี่เหลี่ยมคางหมูที่มีดีไซน์ทันสมัยมากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้ลายหนังแบบใหม่กับโลโก้ประจำแบรนด์ LV ที่เป็นโลหะมาประดับ โดยชื่อของกระเป๋ารุ่นนี้เป็นชื่อสถานที่ตั้งของร้านสาขาแรกที่เปิดไปในปีค.ศ. 1854 คือ Rue des Capucines

กระเป๋าหลุยส์ Capucines Bag


 ปี 2014 : Petit Malle Bag

Petit Malle Bag กระเป๋าที่ออกแบบมาได้ Back to basic สุดๆ สำหรับสาวกหลุยส์ วิตตองตัวจริงต้องไม่พลาดกระเป๋ารุ่นนี้อย่างแน่นอน ด้วยดีไซน์ที่มีความเหมือนหีบกล่องในช่วงเริ่มแรกของแบรนด์เมื่อ 160 กว่าปีมาแล้ว แถมการใช้งานที่เป็นกระเป๋าสะพายก็ได้ หรือจะเป็นคลัทช์ก็เก๋ โดยในยุคนั้นมีนายธนาคารที่ร่ำรวยมากๆชื่อ Albert Kahn ได้มาสั่งกระเป๋า LV Trunk รุ่นพิเศษสำหรับเขาโดยเฉพาะ Louis Vuitton จึงได้นำการออกแบบดังกล่าวมาเป็นไอเดียในการออกแบบกระเป๋ารุ่น Petit Malle Bag

กระเป๋าหลุยส์ Petit Malle Bag


กระเป๋าหลุยส์รุ่นฮิต ที่คนไทยนิยมมากที่สุด

หลังจากที่ได้รู้ประวัติความเป็นมาของ Louis Vuitton ขนาดนี้แล้ว เริ่มรู้สึกว่าอยากจะซื้อมาใช้เองบ้างซักใบ และก็หายสงสัยได้อย่างทันทีว่าทำไมกระเป๋าแบรนด์เนมถึงมีราคาสูง เพราะทุกใบล้วนผลิตออกมาจากความคิดสร้างสรรค์ของดีไซเนอร์ผู้มีฝีมือระดับโลก นี่ไม่ต้องนับเรื่องของวัตถุดิบและขั้นตอนในการผลิตซึ่งมันต้องเพอร์เฟ็คตามราคาอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เราเลือกซื้อมันไม่ใช่แค่กระเป๋าไว้ใส่ของ แต่เรากำลังซื้อผลงานของเหล่าดีไซเนอร์ระดับโลกอยู่ต่างหาก

และ กระเป๋าหลุยส์รุ่นฮิต ที่ขึ้นหิ้งว่าเป็น Iconic Bag ได้แก่รุ่น Speedy 25, Alma Bag , Noé Bag และ Capucines Bag ส่วน กระเป๋าหลุยส์ ที่ขายดีที่สุดตลอดกาลคงต้องยกให้รุ่น Neverfull Bag

สิ่งที่เราสนใจต่อมาก็คือ กระเป๋าหลุยส์รุ่นฮิต รุ่นไหนที่คนทั่วโลกนิยมเป็นพิเศษ และรุ่นไหนที่คนไทยนิยม Good Material เลยทำการหาข้อมูลเพิ่มเติมมาได้ดังนี้

กระเป๋าหลุยส์รุ่นฮิต

สถิติการค้นหากระเป๋า Louis Vuitton Iconic ของคนทั่วโลกจาก Google Trends จะเห็นความนิยมของ กระเป๋าหลุยส์  รุ่นต่างๆถูกจัดอันดับได้ดังนี้ (ตามกราฟสีๆในรูป)

  • 1.Louis Vuitton Neverfull
  • 2.Louis Vuitton Speedy
  • 3.Louis Vuitton Alma
  • 4.Louis Vuitton Noe
  • 5.Louis Vuitton Capucines

 

กระเป๋าหลุยส์รุ่นฮิต

 

ส่วนสถิติจากคำค้นหา กระเป๋าหลุยส์ รุ่นฮิตของคนไทย (เฉพาะคำค้นหาเป็นภาษาอังกฤษที่คนไทยค้นหาบนหน้า Google) สามารถจัดอันดับได้ดังนี้

  • 1.Louis Vuitton Speedy 
  • 2.Louis Vuitton Neverfull
  • 3.Louis Vuitton Alma 
  • 4.Louis Vuitton Noe
  • 5.Louis Vuitton Capucines

 

หลายคนอาจจะเคยมีคำถามอยู่ในใจว่าทำไมต้องใช้กระเป๋าแบรนด์เนม ทำไมมันถึงแพงอะไรขนาดนั้น บางครั้งอย่างที่เราได้บอกไปแล้วว่า กว่าที่แบรนด์จะได้ผลงานออกมาเป็นสินค้าเพื่อจัดจำหน่ายในแต่ละชิ้น ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะแบรนด์ดังๆระดับโลกไม่เพียงแค่ Louis Vuitton เท่านั้น ถ้าลองสังเกตดูสินค้าแต่ละชิ้นมักมีเรื่องราวซ่อนอยู่เสมอ และนี่แหละคือเสน่ห์ของความเป็นสินค้าแบรนด์เนม

และที่สำคัญในอีกมุมมองหนึ่งของคนรักแฟชั่นสายลงทุน ที่นอกจากซื้อมาใช้แล้วยังสามารถเก็บไว้เพื่อเป็นการลงทุนได้อีกด้วย การซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมยิ่งถ้าเป็นรุ่นพิเศษพวก Limited Edition โดยเฉพาะ “กระเป๋าหลุยส์ วิตตอง” เปรียบเสมือนการซื้อทองเก็บไว้เพื่อรอวันที่ราคาขึ้นได้เหมือนกัน ไว้เราจะมาเขียนบทความเกี่ยวกับการลงทุนด้วยกระเป๋าแบรนด์เนมกันในบทความต่อๆไปนะคะ ถ้าชอบกดไลค์ ถ้าใช่กดแชร์ไว้ด้วยนะคะ :D

 

 

  • หากท่านต้องการนำเนื้อหาหรือข้อมูลจากเว็ปเราไปใช้งานเพื่อเผยแพร่ให้ความรู้โดยไม่มีผลประโยชน์ โปรดติดลิ้งค์เครดิตกลับมาหาเราที่หน้านี้
  • Information and photos credit: Source1Source2Source 3, Source4

You may also like

Copyright © 2023 สงวนสิทธิ์ทุกประการ Good Material